Health

  • โรคกระเพาะ สาเหตุและวิธีป้องกัน
    โรคกระเพาะ สาเหตุและวิธีป้องกัน

    โรคกระเพาะ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เกิดจากการกินอาหารไม่เหมาะสม หรือการกินอาหารที่มีความเป็นกรดสูง โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ยารักษา แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โรคกระเพาะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น กระเพาะเลื่อน กระเพาะเป็นแผล หรือกระเพาะแตกละเอียด

    โรคกระเพาะคืออะไร

    โรคกระเพาะ คือโรคที่เกิดขึ้นบนผนังกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้อง โรคนี้เกิดจากการทำลายของเยื่อบริเวณกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การกินอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพริน โรคกระเพาะอาหารมักจะเกิดกับผู้ที่มีวิถีชีวิตที่ไม่ดี เช่น การกินอาหารไม่สมดุล การนอนไม่หลับพอ และการมีความเครียดสูง

    โรคกระเพาะ

    สาเหตุของโรคกระเพาะ

    โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลักของโรคนี้คือการทำงานผิดปกติของกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถเกิดจากหลายสาเหตุได้ เช่น การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น

    อีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหารคือการเคี้ยวอาหารไม่ดีพอ ซึ่งทำให้อาหารไม่ถูกย่อยสลายอย่างเต็มที่ในกระเพาะอาหาร และทำให้กระเพาะอาหารต้องใช้แรงงานมากขึ้นในการย่อยอาหาร ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเจ็บปวดและอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และท้องผูกได้

    โรคกระเพาะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

    โรคกระเพาะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เกิดจากการกินอาหารไม่เหมาะสม หรือการกินอาหารที่มีความเป็นกรดมากเกินไป โรคนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากไม่ได้รับการรักษาทันที

    การรักษาโรคกระเพาะ

    การรักษาโรคกระเพาะจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค หากเกิดจากการกินอาหารไม่เหมาะสม ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเป็นกรดมากเกินไป หากเกิดจากเชื้อโรค จะต้องรับการรักษาด้วยยาที่เหมาะสม และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำเติม

    นอกจากการรักษาโรคแล้ว การป้องกันโรคกระเพาะก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีความเป็นกรดมากเกินไป และควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสม อีกทั้งยังควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารเป็นสมุนไพร หรืออาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง เพื่อป้องกันการเกิดโรคกระเพาะในอนาคต

    วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระเพาะ

    โรคกระเพาะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน เนื่องจากการกินอาหารไม่เหมาะสม และการดื่มเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการแสบร้อนในท้อง และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้น วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระเพาะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา

    เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระเพาะ จึงควรรักษาสุขภาพอย่างเหมาะสม โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไขมันต่ำ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง เช่น น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการแสบร้อนในท้องได้

    คำถามที่พบบ่อย FAQ

    อาการของโรคกระเพาะมีอะไรบ้าง

    • อาการของโรคกระเพาะมีหลายอย่าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง และปวดท้อง โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะสม

    วิธีการรักษาโรคกระเพาะอย่างไร

    • วิธีการรักษาโรคกระเพาะขึ้นอยู่กับอาการและสาเหตุของโรค หากเป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง จะต้องรักษาอาการและป้องกันการเกิดซ้ำๆ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และการรับประทานยา ส่วนกรณีที่เป็นโรคกระเพาะที่รุนแรงมาก อาจต้องผ่าตัดเพื่อรักษาโรคให้หายขาด

    ขอบคุณรูปภาพจาก

    bangkokhospital-chiangmai.com

    rattinan.com

    ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ dfwdmc.com

     

Economy

  • หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่
    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่

    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่ นักวิเคราะห์ชี้ ช่วยดันกำลังการกลั่นพุ่งเท่าตัว

    ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ในช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเป็นผลมาจาก กระแสข่าวว่า BCP กำลังเตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากผู้ถือหุ้นเดิม

    หลังจากมีการเจรจาซื้อขายหุ้น ESSO กันมาตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าราคาซื้อขายหุ้น ESSO จะอยู่ระหว่าง 12-14 บาทต่อหุ้น และ BCP จะมีการนำเข้าที่ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 9 ม.ค. 2566

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า ข่าวการเข้าซื้อกิจการ ESSO ของ BCP ในครั้งนี้ถือไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นข่าวว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP สนใจเข้าซื้อ ESSO เมื่อช่วงปี 2554-2555 แต่ดีลก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งประเมินว่าน่าจะเป็นในเรื่องของราคาที่ไม่เป็นที่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย และในครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นแต่เปลี่ยนผู้ซื้อเป็น BCP แทน

    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่ นักวิเคราะห์ชี้ ช่วยดันกำลังการกลั่นพุ่งเท่าตัว
    ซึ่งในกรณีของ BCP หากเข้าซื้อ ESSO จริง

    จะเห็นว่าความร่วมมือทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นอาจไม่มากเท่า TOP ซื้อ ESSO เนื่องจากสถานที่ตั้งที่อยู่คนละแห่ง โดย ESSO ตั้งอยู่ จ.ชลบุรี ติดกับโรงกลั่น TOP รวมถึงโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ ESSO มีสายการผลิตทั้งโรงกลั่น และโรงงานอะโรเมติกส์เหมือน TOP ขณะที่ BCP มีส่วนที่เหมือน ESSO

    คือสายธุรกิจโรงกลั่น แต่หาก BCP เข้าซื้อกิจการก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงกลั่นเพิ่มได้อีกกว่าเท่าตัว เนื่องจาก ESSO มีกำลังการกลั่นอยู่ราว 1.7 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ BCP มีกำลังการกลั่น 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน

    และจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 พันแห่ง จากปัจจุบัน 1.3 พันแห่ง และได้ธุรกิจอะโรเมติกส์กำลังการผลิตพาราไซลีน 5.0 แสนตันต่อปี เพิ่มเข้ามา

    ดังนั้นจึงประเมินว่าตัวแปรสำคัญสำหรับดีลการเข้าซื้อกิจการของ ESSO ของ BCP น่าจะอยู่ที่ราคา ซึ่งทำให้เกิดการเก็งกำไรในราคาหุ้น ESSO เช่นในช่วงปี 2554 ที่มีประเด็นข่าวว่า TOP จะเข้าซื้อ ESSO ราคาหุ้น ESSO ได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในกรอบเฉลี่ยราว 14 บาทต่อหุ้น

    แต่ถ้าคำเสนอซื้ออยู่ที่ราคาสูงก็จะไม่เป็นผลดีต่อ BCP เพราะจะไม่เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับ BCP ในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เพราะหากพิจารณาคาดการณ์กำไรของการประเมินนักวิเคราะห์ในปี 2565 ของ ESSO เพราะว่าอยู่ที่ 1.29 บาทต่อหุ้น เพราะในปี 2565 นี้ถือเป็นปีที่ดีของโรงกลั่น เพราะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

    ซึ่งหากประเมินจากค่าเฉลี่ย ราคาที่เหมาะสม ที่ประเมินในการประเมินของนักวิเคราะห์ ที่ 14 บาทต่อหุ้นพบว่า ระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้นคาดการณ์ล่วงหน้า หรือ PER จะอยู่ที่ 10 เท่า

    แต่หากพิจารณาผลการดำเนินย้อนหลังของ ESSO ในปี 2563-64 พบว่าเผชิญกับผลขาดทุนมาตลอด ดังนั้นจึงมองเป็นเพียงกระแสเก็งกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับราคาหุ้น ESSO ขณะที่ BCP ในเชิงพื้นฐานฝ่ายวิจัยแนะนำเปลี่ยนการลงทุน ด้วยมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2566 ที่ 35 บาทต่อหุ้น.

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : dfwdmc.com